Black pellet

Black Pellet แหล่งพลังงานทางเลือกใหม่แห่งอนาคตที่ยั่งยืน

พลังงานเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศ ที่ผ่านมาประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤติปัญหาการขาดแคลนพลังงานอยู่หลายครั้งเนื่องจากพลังงานเชิงพาณิชย์ เช่น พลังงานฟอสซิลและปิโตรเลียมที่ผลิตได้เองนั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ การผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพจากวัสดุชีวมวลที่มีอยู่ในท้องถิ่นจึงเป็นทางเลือกที่มีความสำคัญเพื่อใช้ทดแทนพลังงานจากฟอสซิล เนื่องจากแหล่งพลังงานใหม่เหล่านี้ก่อให้เกิดผลดีในด้านการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นทางเลือกของพลังงานทดแทนที่เหมาะสมกับลักษณะชุมชนของประเทศไทย อีกทั้งช่วยลดผลกระทบต่อสภาพสิ่งแวดล้อมโดยรวมจากปัญหาการใช้พลังงานจากแหล่งเดิมที่มีแต่จะหมดลงทุกวัน

Black Pellet คือ

เชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดสีดำ หรือ Black Pellet คือ เชื้อเพลิงชีวภาพอีกประเภทหนึ่งที่อยู่ในรูปของของแข็ง มีลักษณะเป็นเม็ดทรงกระบอก ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ได้มาจากกระบวนการลดขนาด อบแห้ง และอัดมวลชีวภาพให้เป็นรูปแบบเม็ด ชีวมวลที่ใช้ทำ Black Pellet อาจได้จากเศษไม้ ของเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ชานอ้อย เหง้ามันสำปะหลัง ซังข้าวโพด รวมถึงเศษไม้เหลือจากโรงเลื่อย เช่น ขี้เลื่อย ปีกไม้ และวัสดุที่เหลือจากการเก็บเกี่ยว เช่น กิ่งไม้เล็ก ๆ และยังรวมถึงไม้ที่ได้จากการโค่นต้นไม้ที่ยืนต้นตายมาผลิตเป็น Black Pellet เพื่อนำไปใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ โดย Black Pellet จะมีคุณสมบัติทางด้านเชื้อเพลิงดีกว่าไม้พลังงานชิ้นไม้สับ (Wood Chip) และเชื้อเพลิงอัดเม็ด (Wood Pellet) ประเภทอื่น Black Pellet จึงถือเป็น พลังงานหมุนเวียน ที่สามารถใช้ทดแทนการใช้ถ่านหินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กระบวนการผลิต Black Pellet

กระบวนการผลิต Black Pellet จะเริ่มจากการนำเศษไม้หรือวัสดุชีวมวลอื่น ๆ ที่เหลือใช้จากภาคการเกษตรไปเข้าเครื่องสับเพื่อย่อยขนาดให้เล็กลง จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการลดความชื้นด้วยเครื่องอบเพื่อลดความชื้นของวัตถุดิบให้เหลือน้อยกว่าร้อยละ 15 เพื่อให้วัตถุดิบมีความชื้นที่เหมาะสมกับกระบวนการอัดแท่ง จากนั้นเมื่อได้วัตถุดิบที่มีค่าความชื้นที่เหมาะสมแล้ว จึงนำวัตถุดิบไปให้ความร้อนที่อุณหภูมิราว 270-310 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 10 นาทีถึง 3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตและเทคโนโลยีของผู้ผลิต และป้อนเข้าสู่กระบวนการอัดแท่งให้มีขนาดตามต้องการ จากนั้นจึงนำวัตถุดิบเข้าสู่กระบวนการระบายความร้อน และกระบวนการบรรจุลงบรรจุภัณฑ์เพื่อนำไปใช้งานหรือจำหน่ายต่อไป โดยกระบวนการเหล่านี้เป็นการปรับปรุงคุณสมบัติของ Black Pellet เช่น ค่าความร้อน ขนาด ความชื้น ความหนาแน่นให้เหมาะสมต่อการนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงนั่นเอง

คุณสมบัติของ Black Pellet

คุณสมบัติเด่นของ Black Pellet คือ การเป็นเชื้อเพลิงที่มีค่าความร้อนสูงกว่าเชื้อเพลิงประเภทอื่น หรือใกล้เคียงค่าความร้อนของถ่านหิน เนื่องจากมีค่าความชื้นต่ำ มีปริมาณสารระเหยที่น้อยกว่า จึงปลอดภัยในการใช้งานมากกว่า และสามารถจัดเก็บไว้ได้เป็นเวลานานโดยไม่มีปัญหาเรื่องศัตรูเนื้อไม้และความชื้น และด้วยขนาดที่เล็ก จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งอีกทางหนึ่งด้วย สำหรับคุณสมบัติของ Black Pellet มีดังนี้

  • ค่าความชื้น (wt%): 1-5
  • ค่าความร้อน (LHV, MJ/kg): 18-22
  • สารระเหย (wt%, db): 55-80
  • ปริมาณคาร์บอนคงตัว (wt%, db): 22-35
  • ความหนาแน่นรวม (kg/l): 0.65-0.80
  • พลังงานต่อหน่วย (GJ/m3): 12-19
  • คุณสมบัติในการดูดซับความชื้น: ปานกลาง
  • การย่อยสลายทางชีวภาพ: ช้า
  • ความสอดคล้องของส่วนประสมผลิตภัณฑ์: สูง
  • ค่าใช้จ่ายในการขนส่ง: ต่ำ

การใช้ประโยชน์จาก Black Pellet

โดยทั่วไปแล้ว Black Pellet จะถูกนำมาใช้เพื่อทดแทน ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ หรือฟอสซิลในอุตสาหกรรมที่มีการใช้งานหม้อไอน้ำอุตสาหกรรม หรือกระบวนการผลิตของโรงงานประเภทต่าง ๆ หรือใช้เผาไหม้ร่วมกับเชื้อเพลิงอื่น เช่น ถ่านหินหรือชีวมวล เพื่อลดการใช้ถ่านหินในอุตสาหกรรมบางประเภทเนื่องจากมีค่าความร้อนสูง นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากระบบหม้อต้มไอน้ำ รวมถึงการให้ความร้อนภายในที่อยู่อาศัยและการหุงต้ม อีกทั้งยังนำมาใช้แทนชีวมวลอื่นที่มีค่าความร้อนต่ำที่จำเป็นต้องใช้เชื้อเพลิงชีวมวลในปริมาณที่สูง ส่งผลให้การใช้ black pellet สามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการผลิตความร้อนให้กับภาคอุตสาหกรรม ข้อดีอีกประการหนึ่งของ black pellet คือค่าใช้จ่ายในการขนส่งต่อปริมาณต่ำกว่า เมื่อเทียบกับการขนส่งชีวมวล เนื่องจากมีความหนาแน่นสูงกว่า Black Pellet จึงเป็นแหล่งพลังงานทางเลือกใหม่แห่งอนาคตที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง