เรามุ่งเสริมสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน จากการนำองค์ความรู้ความเชี่ยวชาญและนำเทคโนโลยีช่วยพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังงานสะอาดอย่างครบวงจร

บริษัทฯ มุ่งมั่นและตั้งใจในการดำเนินธุรกิจบนรากฐานสำคัญ คือ การมีส่วนทำให้โลกนี้มีทรัพยากรอย่างเพียงพอ และยั่งยืน ไปพร้อม ๆ กับการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกด้าน ธุรกิจที่ CV ทำอยู่นั้นตอบโจทย์ของโลก คือความพยายามในการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก แม้เมื่อเทียบเป็นปริมาณแล้วไม่มาก แต่เราตั้งใจทำจากจุดที่เรามีความเชี่ยวชาญ แล้วต่อยอดออกไป

ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า (Power Producer) ของ CV ดำเนินการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม และด้วยตัวเทคโนโลยีและการออกแบบกระบวนการผลิตไฟฟ้าของบริษัท สามารถรองรับการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชน (RDF from MSW) โดยจะใช้เชื้อเพลิงที่เป็น RDF คือมีการคัดแยกส่วนที่ให้พลังงานออกมาใช้เป็นเชื้อเพลิง เพราะจะทำให้กระบวนการผลิตไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูงกว่าการเผาขยะแบบรวมๆ ไม่คัดแยก อีกด้วย สำหรับโรงไฟฟ้าชีวมวลนั้นนอกจากเป็นการนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาใช้ให้เกิดประโยชน์แล้ว ยังช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 จากการเผาเศษวัสดุทางการเกษตรในที่โล่งแบบที่มีมาแต่ก่อน และช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ส่วนโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ของเรา ใช้ RDF จากขยะอุตสาหกรรมชนิดไม่อันตราย เป็นการนำของเหลือทิ้งมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ลดปัญหาการจัดการขยะในภาพรวมของประเทศ การผลิตไฟฟ้าจากขยะแปรรูป RDF จึงช่วยลดปัญหาการจัดการขยะได้อย่างมีนัยสำคัญ

ที่ผ่านมาเราพัฒนาโครงการ ก่อสร้าง และเดินเครื่องโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก เพราะเราเชื่อว่าพลังงานจะยั่งยืนได้ต้องใช้สิ่งที่มีอยู่ในชุมชน (เศษวัสดุทางการเกษตรจากชุมชนรอบข้าง, ขยะชุมชน) แปลงมาเป็นพลังงานให้ชุมชน คนที่เดินเครื่องโรงไฟฟ้าก็คือสมาชิก ลูกหลาน ของคนท้องถิ่นเป็นหลัก แล้วกระจายหน่วยผลิตเล็ก ๆ นี้ออกไป จะทำให้โรงไฟฟ้าอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างเกื้อกูลซึ่งกันและกัน

ธุรกิจเชื้อเพลิง (Fuel Supply)ของ CV ช่วยให้โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเข้าถึงแหล่งเชื้อเพลิงสะอาด ได้มากขึ้น กล่าวคือ เรามีผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงหลายรูปแบบ ตั้งแต่ เชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด ซึ่งเหมาะต่อการขนส่งระยะไกล(อาทิ ส่งไปยังโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ), ขยะ RDF ช่วยลดปัญหาปริมาณขยะพลาสติกที่ไม่ย่อยสลายตามธรรมชาติ ที่ถูกเก็บสะสมอยู่ในหลุมขยะ ซึ่งนอกจากจะต้องใช้พื้นที่หลุมขยะบริเวณกว้างแล้ว หลุมขยะที่ล้นเกินขีดจำกัด จะสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในเรื่องสุขลักษณะและการปลดปล่อยก๊าซมีเทนจากการหมักหมม ของอินทรีย์วัตถุในหลุมขยะอีกด้วย

ธุรกิจด้านวิศวกรรม (Valued EPC) - นอกจากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการให้บริการออกแบบและก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลกว่า 17 ปีแล้ว ปัจจุบันกลุ่มบริษัท ศแบง ยังให้บริการก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ (Utility Plant) ด้วยเชื้อเพลิงชีวมวลบดทดแทนถ่านหิน หรือน้ำมันเตา สำหรับลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้ลูกค้าสามารถลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล (อาทิ ถ่านหิน น้ำมันเตา) สร้างมูลค่าเพิ่มจากการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ของลูกค้าเอง

พร้อมกันนี้ บริษัทยังขยายขีดความสามารถถึงบริการออกแบบและก่อสร้างระบบโมดูลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับกระแสของโลกในเรื่อง Circular Economy การใช้ทรัพยากรในการก่อสร้างอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ในขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับประโยชน์การใช้สอย การลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในการก่อสร้าง และคำนึงถึงการใช้งานระยะยาวอีกด้วย ซึ่งตอบโจทย์ในเรื่องต้นทุนการก่อสร้างในปริมาณมาก การควบคุมระยะเวลา และคุณภาพการก่อสร้างเมื่อเทียบกับการก่อสร้างแบบทั่วไป

การขับเคลื่อนสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ของบริษัท

จากการประเมินคาร์บอนฟุตปริ้นองค์กร (Carbon Footprint: CFO) ของบริษัทฯ (กลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า) ประจำปี 2565 พบว่าบริษัทฯ มีปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก SCOPE 1 & 2 เท่ากับ 53,333 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (TonCO2e) ซึ่งนับว่าไม่สูงเมื่อเทียบกับกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงานหมุนเวียนด้วยกัน และต่ำกว่า CFO จากการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานฟอสซิลมาก อย่างไรก็ดี ในปี 2566 บริษัทมุ่งมั่นตั้งเป้าลด CFO ปี 2566 ของกลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าลงไปอีก โดยเน้นบริหารจัดการในการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ชีวมวล และควบคุมคุณภาพของเชื้อเพลิงขยะ RDF ที่ใช้ในโรงไฟฟ้าให้ดียิ่งขึ้น และหากเปรียบเทียบกับปริมาณคาร์บอนเครดิตจากโรงไฟฟ้าในกลุ่มบริษัทเอง ที่มีอยู่ 68,114 TonCO2e แล้วนั้น จะเห็นว่าเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของบริษัทนั้นเป็นไปได้อย่างแน่นอน

วิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจของ CV ที่ว่า “เราจะส่งมอบคุณค่าจากพลังงานหมุนเวียนสู่สังคมโลก อย่างยั่งยืน” เพราะการดูแลโลกนี้ เราทำเพียงองค์กรเดียวไม่ได้ ทุกองค์กร ทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน ทำจากมุมของตัวเอง จากความเชี่ยวชาญของตัวเอง และสอดประสาน สนับสนุนซึ่งกันและกัน จึงจะเกิดพลัง เกิดผลอย่างมีนัยสำคัญต่อประเทศและโลก

ในนามของกลุ่มบริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ขอขอบพระคุณผู้ถือหุ้น นักลงทุน คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ที่ให้ความไว้วางใจ และเชื่อมั่นต่อองค์กรในการดำเนินงานด้วยดีเสมอมา ขอขอบพระคุณท่านประธานฯ และคณะกรรมการบริษัท, ผู้บริหาร รวมทั้งพนักงานทุกท่าน ที่มีส่วนในการบริหาร ดำเนินงานและขับเคลื่อนการดำเนินกิจการของบริษัท เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้

นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร